



| หมวดหมู่ | CALTRATE เเคลเทรต |
| ราคาปกติ | |
| ลดเหลือ | 330.00 บาท |
| ประเภท | สินค้าใหม่ |
| อัพเดทล่าสุด | 8 ธ.ค. 2558 |
| ความพึงพอใจ | ยังไม่มีความคิดเห็น |
| จำนวน | ชิ้น |
แคลเซียม เป็นแร่ธาตุที่พบมากในร่างกาย ส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ในกระดูก ฟัน เล็บและอื่นๆ หน้าที่หลักของแคลเซียม คือ ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของกระดูกและฟัน
แคลเซียมช่วยกระบวนการต่างๆในร่างกาย ดังนี้
การทำงานของแคลเซียม
ส่วนประกอบ Caltrate Plus แคลเทรต พลัส




หลังทำรายการสั่งซื้อเสร็จเรียบร้อย ลูกค้าสามารถชำระเงินได้เลยครับ ไม่จำเป็นต้องรอการติดต่อกลับจากทางร้านให้เสียเวลา เพราะทางร้านมีระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ สินค้าที่กดทำรายการสั่งซื้อได้จะมีของพร้อมส่งทุกรายการ โดยท่านสามารถเลือกชำระเงินผ่านตู้ ATM, เคาร์เตอร์ธนาคาร, โทรศัพท์มือถือ หรือ Internet Banking ที่ท่านสะดวกเข้ามาที่บัญชีที่ระบุไว้ด้านล่างนี้
* กรุณาชำระเงินภายใน 3 วันหลังจากสั่งซื้อ หากครบกำหนดรายการสั่งซื้อของท่านจะถูกยกเลิกอัตโนมัติ
** หลังชำระเงิน กรุณาแจ้งยืนยันการชำระเงินอีกครั้ง พร้อมทั้งเก็บสลิปหรือหลักฐานการการชำระเงินไว้จนกว่าท่านจะได้รับสินค้า
*** ลูกค้าไม่ต้องแนบสลิปตอนแจ้งชำระเงิน เพราะทางร้านมีระบบบัญชีธนาคารออนไลน์ ตรวจสอบรายการโอนกับธนาคารได้โดยตรง
*** ยอดชำระต่ำกว่า 500 บาท รบกวนแนบหลักฐานการชำระเงินด้วย เนื่องจากไม่มี SMS จากบางธนาคารหากยอดต่ำกว่า 500 บาท
*** สั่งซื้อสินค้าและทำรายการโอนเงินก่อน 14.00 น. สินค้าจัดส่งภายในวันพร้อมแจ้งเลขพัสดุทางอีเมล์และเว็บไซต์ช่วงค่ำของทุกวัน
*** เนื่องด้วยลูกค้าโอนเข้ามาจำนวนมาก รบกวนโอนเป็นเศษสตางค์เพิ่มเข้ามาเช่น 340.03 , 590.01 จะช่วยให้ตรวจสอบได้ง่ายขึ้นค่ะ
เมื่อท่านได้ทำการชำระเงินแล้ว กรุณาแจ้งชำระเงินผ่านหน้าเว็บ คลิ๊กที่นี่ เพิ่อแจ้งชำระเงินทันที หรือส่ง SMS มาที่ 089-1602557
หรือ Line ID : @likevitamin
| ธนาคาร | เลขที่บัญชี | สาขา | ประเภทบัญชี | ชื่อบัญชี | |||
| ธ.ทหารไทย | 464-2-14084-4 | สาขาศรีจันทร์-ขอนแก่น | ออมทรัพย์ | นายอัครวัตร คูณคำตา | |||
| ธ.กรุงเทพ | 096-022432-7 | สาขาเอ็มโพเรียม-กรุงเทพ | ออมทรัพย์ | นางสาวรจเรศ เนตรทอง | |||
| ธ.กรุงไทย | 981-1-59679-4 | สาขาเทสโก้โลตัส นาดี อุดรธานี | ออมทรัพย์ | นางสาวรจเรศ เนตรทอง | |||
| ธ.ไทยพาณิชย์ | 247-221253-6 | สาขาเซ็นทรัล เวิลด์ | ออมทรัพย์ | นายอัครวัตร คูณคำตา | |||
| ธ.กสิกรไทย | 772-2-38836-9 | สาขาเซ็นทรัล เวิลด์ | ออมทรัพย์ | นายอัครวัตร คูณคำตา | |||
Calcium ในอาหารเสริม
ในกรณีที่เราคิดว่า เรากินอาหารแล้วจะได้ calcium ไม่ครบ หรือในกรณีของคนที่มีความจำเป็นต้องเสริมจริงๆ (เช่น คนวัยทอง) ก็ควรจะหา calcium มากินเสริมเอาไว้เพื่อป้องกันปัญหาทั้งหลาย
จะเห็นว่า ในท้องตลาด มีผลิตภัณฑ์มากมาย ที่ให้ calcium เสริม โดยเฉพาะยาเม็ด calcium จะมีมากมายหลายยี่ห้อ แล้วเราจะเลือกอย่างไรให้เกิดประโยชน์ต่อเราและคุ้มค่าเงินที่สุด
หลักในการเลือก
1. อันดับแรก ก็คล้ายๆกับเรื่อง calcium ในอาหาร คือต้องดู bioavailability ซึ่งส่วนใหญ่พิจารณาจากความสามารถในการดูดซึม (absorbability) ของ calcium ในรูปแบบเกลือต่างๆ ซึ่งแต่เดิมเข้าใจว่า เกลือรูปที่ละลายน้ำไม่ดี จะดูดซึมน้อย แต่ต่อมา เราพบว่าการละลายของเกลือในรูปต่างๆมีผลต่อการดูดซึมไม่แตกต่างกันมากนัก ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเกลือรูปไหนร่างกายก็สามารถดูดซึมเอา calcium เข้าไปได้ในอัตราส่วนพอๆกัน (ดังนั้น ยี่ห้อไหนที่ราคาแพง และมีจุดขายว่าดูดซึมดีกว่ายี่ห้ออื่น ก็ไม่ควรเชื่อมาก)
2. ความสะดวกในการกิน เม็ดยาจะต้องมีขนาดไม่ใหญ่เกินไป จะต้องมีปริมาณ calcium ที่เพียงพอ มีจำนวนเม็ดต่อ dose ให้น้อยที่สุด เมื่อเรามาพิจารณาตรงนี้ จะเห็นว่าในยาเม็ด calcium carbonate จะมีปริมาณ calcium อยู่ 40% ของเม็ดยา จึงมีขนาดเล็ก ในขณะที่ calcium gluconate จะมีขนาดใหญ่มาก (ปัจจุบัน นิยมทำเป็นยาเม็ดฟู่เพื่อช่วยให้กินง่ายขึ้น)
3. ราคา ในปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์มากมายหลายยี่ห้อ ที่มีรูปแบบเกลือและรูปแบบผลิตภัณฑ์แตกต่างกัน ซึ่งเราสามารถเลือกอักที่เราชอบให้เหมาะสมกับราคาได้ เช่น หากมีเงินน้อย ก็อาจกินยาเม็ด calcium carbonate แบบธรรมดา (บางคนว่ากินยาก/รสไม่อร่อย) หากมีเงินหน่อย อาจเลือกกินแบบเคี้ยวหรือแบบเม็ดฟู่ก็ได้ แต่ที่สำคัญคือ อย่าโดนหลอกว่าผลิตภัณฑ์ของเขามีการดูดซึมดีกว่าคนอื่นเท่านั้นครับ ของที่ราคาแพงกว่า น่าจะมาจากรูปแบบของยา ที่ทำให้กินง่าย/สะดวก/รสดี มากกว่าที่จะมาพูดเรื่องการดูดซึมครับ
ผลข้างเคียงของยาเม็ด calcium
โดยทั่วไป ในขนาดที่กินปกติ ไม่เกินวันละ 2 กรัม ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ (ยกเว้นในคนที่เป็นโรคไต), ยาเม็ด calcium carbonate อาจทำให้ท้องผูกได้ (แก้ได้โดยการกินน้ำ/ แบ่งกินหลายๆมื้อ)
ปริมาณที่ควรได้รับยาต่อวัน
ไม่ควรเกิน 2.5 กรัม และในแต่ละมื้อที่กินยา ไม่ควรเกิน 500 มก. และการให้ยาแบบ ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 4 ครั้ง (1 x 4) จะให้การดูดซึม calcium ดีกว่าการกินแบบ ครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง (2 x 2)
นอกจากนี้ การกิน calcium ร่วมกับสารอาหารอื่นๆ อาจทำให้การดูดซึม calcium ลดลงได้เช่น เหล็ก(Fe) และสังกะสี(Zn) อาจลดการดูดซึม calcium ได้ 40-50 %
ราคาแบบ 60 เม็ด ราคา 330 บาท
ราคาแบบ 120 เม็ด ราคา 550 บาท
Caltrate Plus with Vitamin D & Minerals
เป็นแคลเซียมในรูปแบบเม็ดสามารถรับประทานได้ง่าย ทั้งยังเสริมวิตามิน D และแร่ธาตุนานาที่จำเป็นต่อการสร้างกระดูกและฟัน
แคลเซียมมีประโยชน์อย่างไรต่อตัวคุณ?
แคลเซียมนั้นเป็น สิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูแลรักษาสุขภาพฟันและกระดูกให้ดีอยู่เสมอ ร่างกายนำแคลเซียมมาใช้ในการสร้างกระดูก เช่นเดียวกับเนื้อเยื่ออื่นๆ ในร่างกาย เนื้อเยื่อกระดูกมีการดูดแคลเซียมกลับคืนและสร้างกระดูกอย่างต่อเนื่อง และการมีปริมาณแคลเซียมที่พอเพียงอยู่ตลอดเวลาเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อ รักษาวงจรนี้ไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงระยะเวลาของชีวิตที่มีการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน เวลาที่สำคัญที่สุด คือ ระยะเวลาในการตั้งครรภ์และให้นมบุตร ตามมาด้วยช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เด็กหญิงและชายส่วนใหญ่มีส่วนสูงและขนาดกระดูกเพิ่มขึ้น ในอัตราที่รวดเร็ว กลุ่มอายุที่สำคัญอันดับสาม ได้แก่ เด็กวัยรุ่น ซึ่งเป็นช่วงที่มีกระดูกและฟันเติบโตในอัตราที่รวดเร็ว ร่างกายมีความต้องการแคลเซียมเพื่อการทำงานอื่นๆ เช่น การจับตัวเป็นลิ่มเลือด การส่งผ่านของกระแสประสาท การทำงานของกล้ามเนื้อ การเต้นตามปกติของหัวใจ การกระตุ้นให้เกิดการหลั่งของฮอร์โมน และการกระตุ้นปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ต่างๆ
แคลเซียมกับมวลกระดูก
· วัยเด็ก สะสมมวลกระดูดให้ได้มากที่สุด เพื่อใช้สร้างกระดูดในการเจริญเติบโต
· วัยรุ่น มีมวลกระดูดสูงสุดและยังสามารถสะสมมวลกระดูดได้อีกเล็กน้อย
· ผู้ใหญ่-ผู้สูงอายุ ไม่มีการสร้างสะสมมวลกระดูก แต่มีการดึงแคลเซียมออกจากกระดูก
· สตรีมีครรภ์ เพิ่มการดูดซึมแคลเซียมจากอาหารแต่ยังมีการดึงแคลเซียมจากกระดูก
ประโยชน์ของแคลเซียม
· รักษา ข้อเสื่อม ( Osteoarthritis ) ข้อเสื่อมตั้งแต่ชายหญิงที่มีอายุตั้งแต่40ปีขึ้นไปจะพบมากขึ้นเมื่อ อายุเยอะขึ้น สาเหตุจากกระดูกอ่อนผิวข้อถูกทำลายโครงสร้างของข้อเปลี่ยนแปลงไป เช่น มีน้ำสะสมในข้อเพิ่มมากขึ้นกระดูกงอเกิดปกติ กล้ามเนื้อและเอ็นหย่อนยานการเคลื่อนไหวทำได้จำกัดมีอาการปวดและบวม
· รักษาโรคกระดูกพรุน โรคกระดูกพรุนหรือกระดูกโปร่งบาง จะมีปริมาณเนื้อกระดูกลดลง และ โครงสร้างภายในของกระดูกเปลี่ยนแปลง ทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดน้อยลง เกิดกระดูกหักได้ง่ายขึ้น ในระยะแรกผู้ป่วยมักจะปกติดี จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุทำให้มีกระดูกหักเกิดขึ้น ทั้งที่เป็นอุบัติเหตุไม่รุนแรง เช่น ลื่นล้ม หรือ ตกเก้าอี้ แล้วเกิดกระดูกข้อมือหัก กระดูกสะโพกหัก โรคกระดูกพรุนพบได้บ่อยเป็นลำดับที่ 2 รองจากโรคข้อเสื่อม โดยที่ไม่แสดงอาการผิดปกติ ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้ถึงร้อยละ 30-40 ขณะที่ผู้ชายมีโอกาสเป็นโรคนี้เพียงร้อยละ 10 และพบว่าในผู้หญิงไทยอายุ 55 ปีเป็นโรคนี้ ร้อยละ 20 แต่ในผู้หญิงที่อายุมากกว่า 65 ปี เป็นโรคนี้ถึงร้อยละ 60 จะเห็นว่าทุกคนมีโอกาสที่จะมีโรคกระดูกพรุนแอบแฝงอยู่ การสูญเสียเนื้อกระดูก เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาเหมือนเดิมได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การป้องกันและรักษาตั้งแต่เริ่มแรกก่อนจะเกิดกระดูกหัก ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุนก็คือ ได้รับแคลเซียมน้อยเกินไป
ปริมาณแคลเซี่ยมที่ควรได้รับในแต่ละวันจะแตกต่างกัน เช่น คนทั่วไปควรได้รับวันละ 800 มิลลิกรัม เด็กและวัยรุ่นควรได้รับวันละ 800-1,200 มิลลิกรัม ผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรควรได้รับวันละ 1,500-2,000 มิลลิกรัม ผู้หญิงช่วงหมดประจำเดือนควรได้รับวันละ 1,500 มิลลิกรัม และ ผู้สูงอายุควรได้รับวันละ 1,000 มิลลิกรัม
· รักษา รูมาตอย ( Rheumatoid) ข้ออักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่งที่มีอาการเจริญงอกงามของเยื่อยุข้อมอย่าง มากและจะลุกลามเข้าทำลายกระดูก และข้อแรกๆมีอาการอ่อนเพลียปวดตามข้อมีอาการฝืดข้อเป็นเวลานานในตอนเช้า เมื่อมีอาการชัดเจนข้อจะมีการบวมร้อนและปวดโรคนี้สามารถเป็นได้กับทุกข้อของ ร่างกาย พบได้ตั้งแต่เด็กถึงวัยชราส่วนมากจะพบในผู้ป่วยวัยกลางคนเพศหญิงมากกว่าเพศ ชาย
ปริมาณแคลเซียมที่แนะนำให้คนไทยบริโภค
· วัยเด็ก1-3 ปี 500 มก.
· วัยเด็ก 4-8ปี 800 มก.
· วัยรุ่น9-18 ปี 1000 มก
· ผู้ใหญ่19-50 800 มก
· ผู้ใหญ่ 50 ปี ขึ้นไป 1000 มก
· สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร 800 มก.
อาหารที่มีแคลเซี่ยมสูง เช่น น้ำนม กุ้งแห้ง กะปิ ผักใบเขียว ปลาเล็กปลาน้อยที่กินได้ทั้งตัว เต้าหู้เหลือง น้ำเต้าหู้ หรือ อาหารจานเดียว เช่น ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊วใส่ไข่ ข้าวราดไก่ผัดกระเพรา ขนมจีนน้ำยา เป็นต้น
อย่างไรก็ตามถ้าได้รับแคลเซียมจากแหล่งอาหารประจำวันอย่างพอเพียง ก็ไม่จำเป็นต้องได้แคลเซียมเสริม นอกจากบางคนอาจได้แคลเซียมจากอาหารไม่พอเพียง หรือ มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนอย่างชัดเจน
ถ้าได้รับแคลเซี่ยมอย่างเพียงพอนานประมาณ 18 เดือน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดกระดูกหักได้
ในผู้สูงอายุ ควรได้รับ แคลเซี่ยม ร่วมกับ ฮอร์โมนเอสโตรเจน แคลซิโทนิน หรือ วิตามินดี จึงจะได้ผลดียิ่งขึ้น
จากการศึกษาพบว่าในผู้ที่กินยาเม็ดแคลเซียมน้อยกว่าวันละ 2 กรัม ไม่พบว่ามีนิ่วในทางเดินปัสสาวะมากขึ้น และ ไม่ทำให้เกิดกระดูกงอกเพิ่มมากขึ้น (กระดูกงอกมักเกิดจากข้อเสื่อม ไม่เกี่ยวกับยาเม็ดแคลเซี่ยม)
การเลือกชนิดของแคลเซียมเสริม ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อจะเลือกใช้แคลเซียมเสริม ได้แก่
1. ชนิดและปริมาณของเกลือแคลเซียม จะทำให้ร่างกายได้รับแตกต่างกันไป เช่น
แคลเซียมคาร์บอเนต ( calcium carbonate ) ได้รับแคลเซียมร้อยละ 40
แคลเซียมซิเตท ( calcium citrate ) ได้รับแคลเซียมร้อยละ 21
แคลเซียมแลคเตท ( calcium lactate ) ได้รับแคลเซียมร้อยละ 13
แคลเซียมกลูโคเนต ( calcium gluconate ) ได้รับแคลเซียมร้อยละ 9
2. ความสะดวกในการกิน จำนวนเม็ดที่ต้องกินในแต่ละวันขึ้นอยู่กับปริมาณแคลเซียมที่ต้องการ ถ้าเป็นยาที่มีแคลเซียมต่ำ เม็ดยาที่ต้องกินก็จะต้องมากขึ้น ทำให้ไม่สะดวก และ ทำให้ความสม่ำเสมอในการกินแคลเซียมน้อยลง
3. ราคา ราคาของยาเม็ดแคลเซียมแตกต่างกันมาก โดยทั่วไป ยาเม็ดธรรมดาจะราคาถูกว่ายาเม็ดแคปซูล ส่วนยาเม็ดฟู่จะราคาแพงที่สุด สำหรับผู้สูงอายุที่อาจมีปัญหาการดูดซึมของยาอาจจำเป็นต้องใช้แบบเม็ดฟู่
4. ส่วนผสมอื่น ๆ ในยาเม็ดแคลเซียม เช่น วิตามินดี วิตามินซี แร่ธาตุอื่น ๆ ในผู้ที่ขาดสารเหล่านี้ ก็จะได้ประโยชน์เพิ่มเติม แต่ผู้ที่ไม่ขาดสารเหล่านี้ก็ไม่จำเป็น เพราะยาเม็ดแคลเซียมที่มีส่วนผสมเสริมจะมีราคาแพงขึ้นไปด้วย
| หน้าที่เข้าชม | 3,802,965 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 2,142,568 ครั้ง |
| เปิดร้าน | 3 ก.พ. 2555 |
| ร้านค้าอัพเดท | 8 ก.ค. 2559 |